เล่มที่ 1 ฉบับที่ 1 – เมษายน 2025
ฤทธิ์อำนาจที่นำไปสู่กางเขน และกางเขนที่นำไปสู่ชีวิต: กลยุทธ์การประกาศและการสร้างชาวไทยให้เป็นสาวกเข้าสู่ความเชื่อแนวอีแวนเจลิคอล
วันที่: 22 เมษายน 2025
ผู้เขียน: ศจ.ดร. ศาสตราจารย์ ดร.ชัยศักดิ์ (Professor of Religious Studies and Missiology) กรรมาธิการศาสนศาสตร์และคำสอน และกรรมาธิการเสรีภาพทางศาสนา ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย และ ของสหกิจฯ เอเชีย Asia Evangelical Alliance | ประวัติผู้เขียนบทความ
บทคัดย่อ:
บทนำ
ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์เข้าถึงได้น้อยที่สุดในโลก แม้จะมีความพยายามในการประกาศอย่างแข็งขันตลอดสองศตวรรษที่ผ่านมา แต่ก็มีประชากรน้อยกว่า 1% เท่านั้นที่ระบุตัวว่าเป็นคริสเตียน โดยประชากรไทยส่วนใหญ่ยังคงนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ซึ่งเป็นโลกทัศน์ที่หยั่งรากลึกในแนวคิดเรื่องกรรม การเวียนว่ายตายเกิด ความทุกข์ (ทุกข์, dukkha) และการแสวงหาการหลุดพ้น (นิพพาน, nibbāna) สำหรับชาวพุทธไทยส่วนใหญ่ ศาสนาไม่ใช่เพียงเรื่องของหลักความเชื่อเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของวิถีชีวิต จังหวะทางศีลธรรมที่หล่อหลอมโดยความกลมเกลียวทางสังคม การทำบุญ และความกลัวต่อพลังวิญญาณที่มองไม่เห็น ในบริบทฝ่ายจิตวิญญาณนี้ ข่าวประเสริฐของคริสเตียนจะต้องเข้ามา ในฐานะการเติมเต็มของความโหยหาที่ฝังแน่น ที่มีมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่ในฐานะทางเลือกทางต่างชาติ
บทความนี้เสนอแนวทางยุทธศาสตร์แบบองค์รวมสำหรับการประกาศและการสร้างสาวกชาวไทยให้เข้าสู่ความเชื่อแบบคริสเตียนอีแวนเจลิคอล ซึ่งมีรากฐานอยู่ในกางเขนของพระคริสต์ โดยอ้างอิงจากศาสนศาสตร์อันลึกซึ้งของ ศ.ดร. John Stott นักศาสนศาสตร์คณะนิยายแองกลิกัน ผู้นำศาสนศาสตร์แนวอีแวนเจลิคอล พร้อมทั้งเป็นผู้เขียนหนังสือ The Cross of Christ ร่วมกับข้อเสนอจากนักวิชาการอีแวนเจลิคอลที่มีชื่อเสียงได้แก่ Lesslie Newbigin, Michael Green, D. A. Carson, Timothy Tennent, Christopher Wright, Roland Allen, Tim Keller และ N. T. Wright
กลยุทธ์นี้กล่าวถึงทั้ง “การเผชิญพลังอำนาจฝ่ายจิตวิญญาณ” ที่เปิดประตูสู่ข่าวประเสริฐ และ “การสร้างสาวกแบบแบกกางเขน” ที่รักษาการเปลี่ยนแปลงฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง โดยมีรากฐานในพระคัมภีร์และความเข้าใจเชิงบริบทอย่างลึกซึ้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าข่าวประเสริฐของพระเยซูนั้น สื่อสารโดยตรงกับความปรารถนาของชาวไทยที่จะหลุดพ้นจากกรรมและความทุกข์ ที่ไม่ใช่ผ่านการทำบุญ แต่ผ่านพระคุณของพระเจ้า
หัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์นี้อยู่ที่ความเชื่อว่า แม้สิ่งอัศจรรย์จะสามารถดึงดูดผู้คนได้ แต่กางเขนเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ จุดมุ่งหมายจึงไม่ใช่เพียงเพื่อให้เกิดการกลับใจเป็นคริสเตียน แต่เพื่อสร้างสาวกที่มีชีวิตถูกตรึงกางเขน และเป็นขึ้นมาใหม่โดยการฝังรากในพระคุณ เปี่ยมด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ และเป็นพยานท่ามกลางวัฒนธรรมที่โหยหาการไถ่
ศาสนศาสตร์และบริบท
อย่างไรก็ตาม เราต้องเริ่มจากจุดที่ผู้คนอยู่ ศ.ดร. Lesslie Newbigin มิชชันนารี บาทหลวงชาวอังกฤษ และนักมิสซิโอโลยีแนวหน้า ผู้เคยรับใช้ในอินเดียใต้ ได้กล่าวไว้อย่างชาญฉลาดว่า “การประกาศข่าวประเสริฐอย่างแท้จริงเริ่มจากการฟัง—ไม่เพียงแต่ฟังจากพระคัมภีร์ แต่ฟังจากวัฒนธรรมด้วย” (Newbigin, 1989, หน้า 4) ศาสนศาสตร์เชิงบริบทของเขา ตอกย้ำว่า การเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐในประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจาก “จุดร่วมทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ” ไม่ใช่จากการเผชิญหน้าตรง ๆ
ศ.ดร. Christopher J. H. Wright นักวิชาการพระคัมภีร์เดิมและผู้อำนวยการพันธกิจ Langham (ที่ก่อตั้งโดย John Stott) ยืนยันหลักการเดียวกันว่า พันธกิจต้องแสดงให้เห็นว่า ข่าวประเสริฐนั้น “เติมเต็มความปรารถนาอันลึกที่สุดที่มีอยู่แล้วในวัฒนธรรม” (Wright, 2006, หน้า 384) นี่คือแบบอย่างที่อัครทูตเปาโลใช้ในกิจการบทที่ 17 ที่ท่านยอมรับรู้ความเชื่อของชาวเอเธนส์ก่อนจะประกาศถึงพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์
การประสบการณ์เหนือธรรมชาติเป็นจุดเริ่มต้น และการเป็นสาวกที่มีกางเขนเป็นจุดศูนย์กลาง
นี่คือจุดที่ การมีประสบการณ์กับฤทธิ์อำนาจฝ่ายจิตวิญญาณ (เหนือธรรมชาติ) สามารถทำหน้าที่เป็น“ประตู” ที่เข้าสู่พระเยซู แต่ไม่ใช่เป็นรากฐานของความเชื่อ ศ.ดร. Michael Green บาทหลวงแองกลิกัน นักประกาศข่าวประเสริฐ และศาสตราจารย์ด้านการประกาศที่วิทยาลัย Regent College และ Wycliffe Hall แห่ง Oxford กล่าวไว้ในหนังสือ Evangelism in the Early Church ว่า “การเผชิญหน้าเชิงอำนาจเป็นสิ่งจำเป็นในหลายพื้นที่ในโลกเพื่อทำลายพันธนาการฝ่ายวิญญาณ” (Green, 2004, หน้า 259) ในบริบทไทย ซึ่งมีความกลัวต่อ “ผี” และผลของกรรม การอธิษฐานเพื่อการหายโรค หรือคำเผยพระวจนะ อาจเป็นช่องทางแสดงสิทธิอำนาจของพระคริสต์ เหมือนในมาระโก 1:34 และลูกา 11:20
ถึงกระนั้น ศ.ดร. Green เตือนว่า “หมายสำคัญ” อย่างเดียวไม่สามารถคงความเชื่อได้อย่างยั่งยืน สิ่งนี้คือเหตุผลว่า ศาสนศาสตร์ที่มีไม้กางเขนเป็นศูนย์กลาง ตามแนวคิดของจอห์น สตอตต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็น ศ.ดร. Timothy C. Tennent อธิการบดีของสถาบันศาสนศาสตร์ Asbury Theological Seminary และนักมิสซิโอโลยีระดับโลก กล่าวว่า “หลักการไถ่บาปแทนผู้อื่น (substitutionary atonement) สัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับวัฒนธรรมที่ผูกพันกับกรรม เพราะเป็นการพูดถึงผู้หนึ่งที่สมัครใจแบกหนี้แห่งกรรมของเราไว้อย่างสมบูรณ์ และจบวัฏจักรนั้นลง” (Tennent, 2007, หน้า 149) กางเขนไม่เพียงแค่ลบหนี้ศีลธรรม แต่ตัดขาดวัฏจักรฝ่ายวิญญาณ (วัฏจักรแห่งกรรมและวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด) ที่ทำให้ผู้คนนับล้านต้องหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม ข่าวประเสริฐต้องมีชีวิตอยู่ในชุมชนด้วย ศ.ดร. Green กล่าวไว้อย่างลึกซึ้งว่า “ผู้คนไม่ได้เข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้าด้วยการโต้แย้ง หากแต่ด้วยการที่พวกเขาได้รับความรัก” (Green, 2004, หน้า 261) นี่สะท้อนรูปแบบการเป็นพยานของคริสตจักรยุคแรกในกิจการ 2:42–47 ที่ซึ่งพวกเขารวมตัว แบ่งปันอาหาร และดำรงชีวิตในความเป็นหนึ่งเดียว
หนทางแห่งกางเขน: การเป็นสาวกที่แท้จริง
แต่การเดินทางฝ่ายวิญญาณจะหยุดแค่การกลับใจไม่ได้ ศ.ดร. John Stott เตือนเราว่า “การไม่เห็นแก่ตัว หมายถึงการปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ของตนในการดำเนินชีวิตตามใจชอบ” (Stott, 2006, หน้า 307) คำสอนนี้สะท้อนใน ลูกา 9:23 ผู้แสวงหาความจริง (ชาวไทยที่นับถือพุทธศาสนา) จะต้องถูกหล่อหลอมให้เป็นสาวกที่ชีวิตได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยกางเขน คือเลือกความรักเสียสละเหนือการทำบุญเพื่อหวังผล
การสร้างสาวกระยะยาวนั้น ต้องลงรากในดินถิ่นของไทย ศ.ดร. Roland Allen มิชชันนารีแองกลิกันและนักคิดด้านคริสตจักร ในศตวรรษที่ 20 กล่าวไว้ในหนังสือ Missionary Methods: St. Paul’s or Ours? ว่า “คริสตจักรพื้นเมืองที่นำโดยพระวิญญาณ คือ คริสตจักรที่ปกครองตนเอง เลี้ยงตนเอง และเผยแผ่ตนเองได้” การนมัสการด้วยภาษาไทย ดนตรีท้องถิ่น และผู้นำท้องถิ่น สะท้อนข่าวประเสริฐได้อย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าพิธีกรรมแบบต่างชาติ
ความชอบธรรมและพระคุณ: ระบบปฏิบัติการใหม่
เพื่อให้ความเชื่อเติบโตอย่างยั่งยืน ผู้เชื่อชาวไทยจะต้องได้รับการสอนว่าความรอดไม่ใช่สิ่งที่ได้มาจากการทำดีหรือการทำบุญ ศ.ดร. D. A. Carson หนึ่งในนักศาสนศาสตร์รีฟอร์มและนักวิชาการพระคัมภีร์ใหม่ที่ทรงอิทธิพล ร่วมกับ ศ.ดร. Tim Keller ศิษยาภิบาลและนักป้องกันความเชื่อผู้เขียนหนังสือ Hope in Times of Fear ต่างเน้นย้ำว่า “การได้มาซึ่งความชอบธรรมโดยความเชื่อ” ต้องยังคงเป็นศูนย์กลางของการเป็นสาวกและการนมัสการ “เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา” (โรม 5:1)
ในการสร้างอัตลักษณ์ที่มีพระคุณเป็นศูนย์กลางนี้ ศ.ดร. John Piper ศิษยาภิบาล-นักศาสนศาสตร์ และผู้ก่อตั้งองค์การ Desiring God Ministries ได้เตือนใจเราอย่างเหมาะสมไว้ว่า “ความรอดมาจากพระคุณเท่านั้น แต่พระคุณไม่เคยปล่อยคนที่ได้รับพระคุณไว้ตามลำพัง” (Piper, 2003, หน้า 85) ชีวิตคริสเตียนจึงไม่ใช่ชีวิตที่ปราศจากความพยายาม แต่คือการปราศจากการถูกกล่าวโทษจากความบาป และคือการดำเนินชีวิตอย่างชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์
บทสรุป
ในประเทศที่ความมุ่งมั่นทางจิตวิญญาณ กำหนดชีวิต และกรรมที่ผูกมัดจิตวิญญาณ ถ้อยคำของไม้กางเขนไม่ใช่เป็นการบุกรุกของชาวตะวันตก แต่ไม้กางเขนเป็นการปลดปล่อยในรูปแบบที่ใกล้ตัวและยาวนานที่สุด การประกาศในหมู่ชาวไทยที่นับถือพุทธต้องก้าวข้ามสูตรง่ายๆ และการเลียนแบบวัฒนธรรมต่างๆ การประกาศข่าวประเสริฐต้องฝังรากลึกในพระคัมภีร์ มีปัญญาเชิงบริบท และเต็มไปด้วยความลึกของศาสนศาสตร์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ความรักอันทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์และฤทธิ์อำนาจแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์
ถึงแม้สิ่งอัศจรรย์และประสบการณ์เหนือธรรมชาติจะเปิดใจคนได้ แต่มีเพียงพระผู้ช่วยให้รอดผู้ถูกตรึงและฟื้นคืนพระชนม์เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณได้ ศ.ดร. N. T. Wright นักวิชาการพระคัมภีร์ใหม่ผู้ทรงอิทธิพล และผู้เขียนหนังสือ The Resurrection of the Son of God กล่าวไว้ว่าการฟื้นคืนพระชนม์ทางกายของพระเยซูไม่เพียงปกป้องได้ ในเชิงประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีความจำเป็นในเชิงศาสนศาสตร์ด้วย เพราะการฟื้นคืนพระชนม์เป็นการยืนยันการกระทำบนกางเขนของพระคริสต์ และเป็นจุดเริ่มต้นของการทรงสร้างขึ้นมาใหม่
ดังที่ ศ.ดร. Stott ยืนยันไว้ว่า “กางเขนคือไฟที่ลุกโชน ซึ่งเปลวไฟแห่งความรักของเราถูกจุดขึ้นที่นั่น” (Stott, 2006, หน้า 336) จิตวิญญาณของชาวไทยที่แบกรับภาระของกรรมและความไม่เที่ยงแท้แห่งชีวิต จะพบว่าในกางเขนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์นั้น ไม่ใช่ศาสนาใหม่—แต่เป็นประตูสู่พระคุณ สันติสุข และชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า
บรรณานุกรม
Allen, R. (1962). Missionary methods: St. Paul's or ours? Grand Rapids, MI: Eerdmans.
Carson, D. A. (1996). The gagging of God: Christianity confronts pluralism. Grand Rapids, MI: Zondervan.
Green, M. (2004). Evangelism in the early church. Grand Rapids, MI: Eerdmans.
Keller, T. (2021). Hope in times of fear: The resurrection and the meaning of Easter. New York, NY: Viking.
Newbigin, L. (1989). The gospel in a pluralist society. Grand Rapids, MI: Eerdmans.
Piper, J. (2003). Desiring God: Meditations of a Christian hedonist (Rev. ed.). Colorado Springs, CO: Multnomah.
Stott, J. (2006). The cross of Christ (20th Anniversary ed.). Downers Grove, IL: InterVarsity Press.
Tennent, T. C. (2007). Theology in the context of world Christianity. Grand Rapids, MI: Zondervan.
Wright, C. J. H. (2006). The mission of God: Unlocking the Bible’s grand narrative. Downers Grove, IL: InterVarsity Press.
Wright, N. T. (2003). The resurrection of the Son of God. Minneapolis, MN: Fortress Press.
💬 ร่วมแสดงความคิดเห็น: ร่วมสนทนาบน Facebook