เล่มที่ 1 ฉบับที่ 1 – เมษายน 2025
การล้มลงโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณและไฟแปลกปลอม: การวิเคราะห์เชิงพระคัมภีร์และศาสนศาสตร์ ต่อปรากฏการณ์ของขบวนการนีโอคาริสมาติก
ผู้เขียน: ศจ.ดร.ชัยศักดิ์ (Professor of Religious Studies and Missiology) กรรมาธิการศาสนศาสตร์และคำสอน และกรรมาธิการเสรีภาพทางศาสนา ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย และ ของสหกิจฯ เอเชีย Asia Evangelical Alliance | ประวัติผู้เขียนบทความ
วันที่: 25 เมษายน 2025
บทคัดย่อ:บทความนี้ตรวจสอบอย่างละเอียดถึงการปฏิบัติของขบวนการนีโอแคริสมาติกในเรื่องการ "ล้มลงในพระวิญญาณ" (slain in the Spirit) และการถวาย "ไฟแปลกปลอม" (strange fire) โดยโต้แย้งว่าการแสดงออกดังกล่าวขาดรากฐานที่ชัดเจนในพระคัมภีร์และเสี่ยงต่อการบิดเบือนชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่แท้จริง การศึกษานี้อาศัยหลักศาสนศาสตร์แนวอิแวนเจลิคอลและโปรเตสแตนต์ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาอย่างรอบคอบตามหลักพระคัมภีร์ในการประเมินประสบการณ์ฝ่ายจิตวิญญาณ และยืนยันว่าการนมัสการที่แท้จริงจะต้องสะท้อนถึงระเบียบของพระคัมภีร์ เสริมสร้างคริสตจักร และมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง
บทนำ
ในขบวนการนีโอคาริสมาติก ปรากฏการณ์ "การล้มลงโดยฤทธิ์เดชพระวิญญาณ" (slain in the Spirit) และ "ไฟแปลกปลอม" (strange fire) ซึ่งในหมู่ผู้สนับสนุนเรียกว่า “ไฟแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์” ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในฐานะเครื่องหมายของการพบกับพระเจ้าและการสำแดงฤทธิ์เดชฝ่ายวิญญาณ ปรากฏการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อผู้คนล้มลงกับพื้น เข้าสู่ภาวะคล้ายภวังค์ หรือเกิดปฏิกิริยาทางร่างกายต่างๆ ระหว่างการนมัสการ ซึ่งถูกตีความว่าเป็นหลักฐานของการเสด็จมาและฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้สนับสนุนอ้างว่าปรากฏการณ์เหล่านี้มีรากฐานจากพระคัมภีร์ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเชิงลึกตามแนวทางคริสเตียนอีแวนเจลิคอลและโปรเตสแตนต์กลับพบประเด็นน่ากังวลเกี่ยวกับความชอบธรรม ความถูกต้องตามพระคัมภีร์ และความปลอดภัยทางจิตวิญญาณของการปฏิบัติดังกล่าว
ข้อโต้แย้งที่ให้การสนับสนุนการล้มลงโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ
ผู้สนับสนุนปรากฏการณ์ข้างต้น มักอ้างพระธรรมยอห์น 18:6 ซึ่งทหารที่มาจับพระเยซูล้มลงกับพื้นเมื่อพระองค์ระบุตัวเอง หรือกิจการ 9:4 ที่อัครทูตเปาโลล้มลงระหว่างพบกับ พระคริสต์ที่ฟื้นขึ้นจากความตาย วิวรณ์ 1:17 ซึ่งยอห์นล้มลงประหนึ่งตายต่อหน้าพระคริสต์ผู้ทรงพระสิริ และ 2 พงศาวดาร 5:14 ซึ่งปุโรหิตไม่สามารถยืนปรนนิบัติได้เพราะพระสิริของพระเจ้าเต็มพระวิหาร ข้อพระคัมภีร์ที่ถูกอ้างนั้น ถูกตีความว่า พระคุณและฤทธิ์เดชของพระเจ้ามีอำนาจเหนือร่างกายมนุษย์ ทำให้ร่างกายล้มลงได้ อีกทั้งเป็นเครื่องหมายของการยอมจำนน การทะลุทะลวงทางจิตวิญญาณ หรือการเจิมจากเบื้องบน
การโต้แย้งตามหลักพระคัมภีร์และศาสนศาสตร์
นักศาสนศาสตร์และนักศึกษาพระคัมภีร์สายอีแวนเจลิคอลและโปรเตสแตนต์ได้วิจารณ์ความถูกต้องของข้ออ้างเหล่านี้ โดยชี้ว่าพระคัมภีร์ที่ถูกอ้างนั้น เป็นลักษณะพรรณนา (descriptive) ไม่ใช่การกำหนดเป็นข้อบัญญัติ (prescriptive) และเกิดขึ้นในบริบท การสำแดงพิเศษ ที่ไม่ซ้ำกัน กล่าวคือ ไม่จำเป็นต้องดำเนินขึ้นซำ้อีกต่อไป ศ.ดร. จอห์น แมคอาเธอร์ (2013) ศาสนาจารย์สายรีฟอร์มที่เป็นที่รู้จักและอธิการบดีของสถาบันศาสนศาสตร์ The Master’s Seminary ชี้ว่าเหตุการณ์ในยอห์น 18:6 และกิจการ 9:4 ไม่ได้เป็นแบบอย่างสำหรับการนำไปปฏิบัติในการชุมนุมของคริสตจักร แต่เป็นการทรงสำแดงที่ไม่ปกติ หรือไม่ธรรมดา โดย ศ.ดร. แมคอาเธอร์เปรียบปรากฏการณ์ใน นีโอคาริสมาติก กับ “ไฟแปลกปลอม” จาก เลวีนิติ 10:1–2 ว่าเป็นการนมัสการที่ไม่ได้รับคำบัญชาจากพระเจ้า ดังนั้นจึงถูกลงโทษ และ เขาย้ำว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระทำทุกสิ่ง อย่างเป็นระเบียบ (1 โครินธ์ 14:33, 40)
ศ.ดร. ดี. เอ. คาร์สัน (1987) นักวิชาการที่เป็นยอมรับในด้านพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ และอดีตศาสตราจารย์ที่สถาบันศาสนศาสตร์ Trinity Evangelical Divinity School เน้นว่าสิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณนั้น ต้องถูกทดสอบกับพระคัมภีร์ (กิจการ 17:11; 2 ทิโมธี 3:16–17) และ การเสริมสร้างภายในคริสตจักรนั้น ไม่ใช่การปลดปล่อยทางอารมณ์ แต่เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายของการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1 โครินธ์ 14:26) โดย ศ.ดร. อาร์. ซี. สโปรล ผู้ก่อตั้งพันธกิจ Ligonier Ministries และนักศาสนศาสตร์รีฟอร์มชื่อดัง สนับสนุนแนวคิดข้างต้น ว่า หนึ่งในผลของพระวิญญาณคือ “ความรู้จักควบคุมตนเอง” (กาลาเทีย 5:22–23) ดังนั้น ความรู้สึกที่เกินการควบคุมจึง ไม่ใช่ผลของพระวิญญาณ
ศ.ดร. ไมเคิล ฮอร์ตัน (2011) ศาสตราจารย์ด้านศาสนศาสตร์ระบบและการปกป้องความเชื่อ ที่สถาบันศาสนศาสตร์ Westminster Seminary ที่รัฐ California กล่าวว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระทำการผ่าน “ทางแห่งพระคุณ (the means of grace )” ได้แก่ การเทศนา พิธีศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วยพิธีบัพติศมาและพิธีศีลมหาสนิท และการอธิษฐาน (โรม 10:17; กิจการ 2:42) ไม่ใช่ผ่านพฤติกรรมการแสดงออกทางกายภาพโดยฉับพลัน
ความกังวัลในประเด็นดังกล่าว เกิดขึ้น แม้กระทั่งภายในกลุ่มผู้ที่เชื่อในการคงอยู่ของ ของประทานฝ่ายวิญญาณ อาทิ ศ.ดร. ซัม สตอร์มส์ (2002) นักศาสนศาสตร์สายคาริสมาติกที่มีปรัชญาดุษฎีบัณฑิตจาก University of Texas at Dallas เตือนว่า หลายกรณีของการล้มลงอาจเกิดจากอิทธิพลทางจิตวิทยาหรืออารมณ์มากกว่า เป็นผลมาจากพระวิญญาณ และ ศ.ดร. เวย์น กรูเดม (1994) ศาสตราจารยด้านศาสนศาสตร์และพระคัมภีร์ ที่สถาบันศาสนศาสตร์ Phoenix Seminary และผู้สนับสนุนความเชื่อนี้ เน้นถึงความสำคัญของการไตร่ตรอง โดยอ้าง 1 เธสะโลนิกา 5:21–22 และ 1 ยอห์น 4:1 ซึ่งกล่าวว่า ให้ผู้เชื่อ “ทดสอบวิญญาณทั้งหลาย” ท้ายที่สุด ดร. มาร์ติน ลอยด์-โจนส์ (1984) นักเทศน์ชาวเวลส์ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 และอดีตแพทย์ ผู้ที่ผันตัวมาเป็นนักศาสนศาสตร์ เตือนมิให้สับสนระหว่างการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณ ที่แท้จริงกับการแสดงออกทางอารมณ์ เขายืนยันว่าการนมัสการที่แท้จริงต้องเป็น “ด้วยจิตวิญญาณและความจริง” (ยอห์น 4:24) และควรนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่ใช่แค่ความรู้สึกหรือการกระทำที่เร้าอารมณ์
บทสรุป
แม้ว่าความปรารถนาที่จะประสบกับพระเจ้าในวิถีทางต่างๆ ที่เปี่ยมไปด้วยฤทธิ์อำนาจเป็นสิ่งที่ชอบธรรม แต่ประสบการณ์เช่นนั้นต้องถูกกำกับด้วยพระคัมภีร์ ไม่ใช่ถูกกำหนดโดยประสบการณ์ที่เร้าอารมณ์ ปรากฏการณ์ “การล้มลงโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ” และ “ไฟแปลกปลอม ห” นั้น ไม่สามารถผ่านการทดสอบจากการพิจารณา ตามพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งไม่สอดคล้องกับระเบียบการปฏิบัติที่นำโดยพระวิญญาณ การไตร่ตรอง และการเสริมสร้างหรือการสั่งสอนที่มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางซึ่งถูกเน้นย้ำในพันธสัญญาใหม่ อีกทั้ง เสียงจากนักศาสนศาสตร์อีแวนเจลิคอลและโปรเตสแตนต์ต่างชี้ชัดว่า ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่แท้จริงต้องหลั่งไหลมาจากพระวจนะของพระเจ้า แสดงออกในผลแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิต และต่อต้านการนำเอาการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจหรือการแสดงออกที่เร้าอารมณ์ มาแทนที่ความจริง
บรรณานุกรม
Carson, D. A. (1987). Showing the Spirit: A theological exposition of 1 Corinthians 12–14. Grand Rapids, MI: Baker Academic.
Grudem, W. (1994). Systematic theology: An introduction to biblical doctrine. Leicester, UK: Inter-Varsity Press; Grand Rapids, MI: Zondervan.
Horton, M. (2011). The Christian faith: A systematic theology for pilgrims on the way. Grand Rapids, MI: Zondervan.
Lloyd-Jones, M. (1984). Joy unspeakable: Power and renewal in the Holy Spirit. Eastbourne, UK: Kingsway Publications.
MacArthur, J. (2013). Strange fire: The danger of offending the Holy Spirit with counterfeit worship. Nashville, TN: Thomas Nelson.
Sproul, R. C. (n.d.). Renewing your mind [Broadcast and writings]. Ligonier Ministries.
Storms, S. (2002). The beginner’s guide to spiritual gifts. Ventura, CA: Regal Books.
💬 ร่วมแสดงความคิดเห็น: ร่วมสนทนาบน Facebook