เล่มที่ 3 ฉบับที่ 1 – พฤษภาคม 2025
การรักษาผ่านการอธิษฐาน ไม่ใช่อำนาจพิเศษ: การไตร่ตรองทางศาสนศาสตร์จาก ยากอบ บทที่ 5 เรื่องวิธีการรักษาในปัจจุบัน
วันที่: 11 พฤษภาคม 2025
โดย: ศจ.ดร. จันทร์สมร ชัยศักดิ์ (Professor of Religious Studies and Missiology) กรรมาธิการศาสนศาสตร์และคำสอน ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย และ ของสหกิจฯ เอเชีย Asia Evangelical Alliance | เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
ในยุคที่ความกระหายฝ่ายจิตวิญญาณมาบรรจบกับการอ้างสิทธิ์อันน่าตื่นเต้น คำถามเรื่องการรักษาโดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ากลายเป็นประเด็นที่จุดประกายความหวัง ความสับสน และการถกเถียงในคริสตจักรอยู่เสมอ หลายคนผูกพันการรักษาไว้กับการแสดงออกที่น่าทึ่งหรือกับบุคคลที่ได้รับของประทานเหนือธรรมชาติ แต่เปาโลยากอบกลับเสนอทางเลือกที่เงียบสงบ อ่อนน้อม และเต็มด้วยเนื้อหาศาสนศาสตร์ ในยากอบ 5:14–16 เราไม่พบการกล่าวถึงฤทธิ์อำนาจในการอัศจรรย์ ไม่มีการคาดหวังเรื่องการแสดงออกอันอลังการ และไม่มีการกล่าวถึงการมีอยู่ต่อเนื่องของผู้มีของประทานพิเศษในการรักษา แต่กลับเป็นคำเชิญเข้าสู่พื้นที่แห่งการอธิษฐาน การถ่อมใจ การอภิบาล และการอภัยบาปภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้า ข้อความตอนนี้สมควรได้รับการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง เพราะแสดงให้เห็นแบบอย่างแห่ง “การรักษา” ที่วางอยู่บนรากฐานของพระคัมภีร์ เป็นแบบอย่างที่เน้นถึง “พระเจ้า” ไม่ใช่ “ของประทาน”
เนื้อหาพระคัมภีร์และความหมายตรงตัว
ยากอบเขียนไว้ว่า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วย ให้เขาเชิญผู้อาวุโส [ผู้ปกครอง] ของคริสตจักรมาสวดอ้อนวอนเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า และคำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยผู้เจ็บป่วยให้หาย และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยกเขาขึ้น และถ้าเขาได้ทำบาปไว้ ก็จะได้รับการอภัย” (ยากอบ 5:14–15 THSV11) คำสั่งนี้ดูเหมือนจะตรงไปตรงมา แต่เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้ง จะเห็นนัยสำคัญทางศาสนศาสตร์อย่างชัดเจน
“การริเริ่ม” ไม่ได้อยู่ที่ผู้มีของประทาน แต่เป็น “ผู้เจ็บป่วย” ที่เชิญ “ผู้อาวุโส [ผู้ปกครอง] ของคริสตจักร” ให้มาอธิษฐานเพื่อเขา ผู้อาวุ (ปกครอง) โสเหล่านี้ไม่ได้ถูกอธิบายว่ามีของประทานในการรักษา และไม่มีการสั่งให้ทำหมายสำคัญใด ๆ เขาเพียงแค่ “อธิษฐาน” ข้อความว่า “คำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้หาย” ยืนยันว่าพลังแห่งการรักษาไม่ได้อยู่ในของประทาน แต่เป็น “การวางใจอย่างถ่อมใจในพระเจ้า” และยากอบกล่าวต่อว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยกเขาขึ้น” ซึ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “พระเจ้าคือผู้กระทำ” ไม่ใช่ผู้อาวุโส [ผู้ปกครอง]
การรักษา: การสำแดงของพระคุณอธิปไตยของพระเจ้า
กรอบความคิดทางศาสนศาสตร์ในยากอบ บทที่ 5 ยืนยันว่าการรักษานั้น (ถ้าเกิดขึ้น) เป็นการสำแดงของ “พระคุณและพระอธิปไตยของพระเจ้า” ไม่ใช่ผลลัพธ์ของ “ของประทานที่ดำรงอยู่ในตัวบุคคล” ซึ่งต่างจากความคิดในศาสนศาสตร์ของกลุ่มของคริสตศาสนา ที่มักเชื่อว่าการรักษาเกิดขึ้นจากบุคคลที่มีของประทาน ยากอบกลับแสดงแบบอย่างที่วางอยู่บน “ชีวิตคริสตจักรปกติ” ภายใต้การอภิบาลของผู้อาวุโส [ผู้ปกครอง] และเกิดขึ้นใน “บริบทแห่งการสารภาพและอธิษฐาน” ซึ่งรักษาจุดศูนย์กลางของการกระทำไว้ที่ “พระเจ้า” ไม่ใช่มนุษย์
นอกจากนี้ ความเชื่อมโยงระหว่างการรักษาและ “การอภัยบาป” (ข้อ 15) สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของพระคัมภีร์ที่ว่า แม้ความเจ็บป่วยจะไม่จำเป็นต้องมาจากบาปเสมอไป แต่ในโลกที่ตกอยู่ในบาป มนุษย์คือผู้ถูกสร้างที่รวมกายและใจเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก การรักษาจึงไม่ใช่เพียงแค่การรักษาร่างกาย แต่เป็นการบำบัดอย่างครบบริบูรณ์ที่รวมถึงจิตวิญญาณ ความสัมพันธ์ และความบริสุทธิ์
น้ำมันและการเจิม: สัญลักษณ์แห่งการอธิษฐานเพื่อการถวาย
ยากอบกล่าวถึง “การเจิมด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า” บ้างตีความว่าเป็นน้ำมันรักษาโรค บ้างเห็นว่าเป็นการเจิมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อแสดงถึง “พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสถิตอยู่” แต่ประเด็นสำคัญคือคำว่า “ในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ซึ่งชี้ว่าไม่ใช่น้ำมันที่มีฤทธิ์รักษา แต่คือพระนามของพระเจ้าที่ให้การเจิมนั้นมีความหมาย เป็นการเจิมที่ชี้ไปที่พระเจ้าผู้ทรงเยียวยา ไม่ใช่เป็นพิธีกรรมที่มนุษย์ใช้เพื่อควบคุมพระเจ้า
บทเรียนสำหรับคริสตจักรในปัจจุบัน
ในยุคที่คริสตจักรในประเทศไทยจำนวนมากกำลังหลงใหลในความโดดเด่นของ “ผู้มีฤทธิ์อำนาจ” หรือ “พันธกิจแห่งการรักษา” ยากอบ บทที่ 5 นำเสนอภาพที่ “ตรงข้ามโดยสิ้นเชิง” — ภาพของคริสตจักรที่การรักษาเกิดขึ้นผ่าน “การอธิษฐานโดยผู้อาวุโส [ผู้ปกครอง]” “ความไว้วางใจในพระเจ้า” และ “ชีวิตคริสตจักรที่สารภาพและให้อภัยกัน” ข้อความตอนนี้สอนว่า เราไม่จำเป็นต้องมี “อัครทูตยุคใหม่” หรือ “ศิษยาภิบาลผู้มีฤทธิ์” เพื่อจะได้รับการรักษา สิ่งที่เราต้องการคือ “คริสตจักรที่อธิษฐานได้” และ “ผู้อาวุโส [ผู้ปกคาอง] ที่สัตย์ซื่อ” ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณ
ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ยังช่วยชี้ให้เห็นว่า “การรักษาในปัจจุบัน” ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับ “หมายสำคัญในยุคอัครทูต” เพราะของประทานการรักษาในพันธสัญญาใหม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ “สิทธิอำนาจของอัครทูต” และ “การประกาศข่าวประเสริฐครั้งแรก” (2 คร. 12:12; ฮบ. 2:3–4) แต่ยากอบซึ่งเขียนในช่วงเวลาที่คริสตจักรเริ่มเข้าสู่โครงสร้างปกติ กลับให้แบบอย่างแห่ง “การรักษาในชีวิตคริสตจักร” ผ่าน “การอธิษฐาน การอภิบาล และการไว้ใจในพระเจ้า”
ความสมดุลทางศาสนศาสตร์: ถ้อยคำแห่งความเชื่อและความผิดหวัง
ยากอบกล่าวว่า “คำอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยผู้เจ็บป่วยให้หาย” แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับการอธิษฐานจะหายจากโรคทันที ซึ่งเหตุนี้ไม่ได้ทำให้พระสัญญาของพระเจ้าเสื่อมลง แต่สะท้อนว่า “ความเชื่อ” ในที่นี้ไม่ใช่การ “รับรองผลลัพธ์” แต่เป็นการ “วางใจอย่างสุดใจในพระประสงค์ของพระเจ้า” พระเยซูเองทรงอธิษฐานว่า “อย่าให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์” (ลูกา 22:42) ดังนั้นคริสเตียนจึงควรอธิษฐานด้วยความเชื่อที่วางใจในฤทธิ์เดชของพระเจ้า แต่พร้อมยอมรับใน “พระประสงค์สูงสุดของพระองค์” ในการเยียวยา
สรุป
ยากอบ บทที่ 5 สอนให้เราเข้าใจว่าการรักษาในชีวิตคริสตจักรไม่เกี่ยวกับการแสดงออกอันน่าตื่นเต้นหรือของประทานพิเศษ แต่เป็นเรื่องของ “ความเชื่อที่อธิษฐานต่อพระเจ้า” “พันธกิจอภิบาล” และ “การดำรงชีวิตในคริสตจักรที่สารภาพบาปและอภัยให้กัน” การรักษาในวันนี้ยังเป็นไปได้—แต่ไม่ใช่ผ่านฤทธิ์อำนาจของบุคคลผู้มีของประทาน หากเป็นเพราะ “พระเจ้าผู้ทรงเมตตา” ที่ทรงฟังคำอธิษฐาน และประทานการเยียวยาในพระประสงค์ของพระองค์
ในยุคที่ความเข้าใจเกี่ยวกับ “ฤทธิ์อำนาจ” และ “การสถิดอยู่” ของพระเจ้า ทำให้ผู้เชื่อบางกลุ่มไขว้เขว ยากอบเตือนเราว่า “การรักษาไม่ใช่เรื่องของการครอบครองของประทานฝ่ายวิญญาณ” แต่เป็น “การวางใจในพระเจ้า” และไม่ใช่เรื่องของการแสดงอัศจรรย์ แต่เป็น “การพึ่งพาพระเจ้าผู้ทรงกระทำอัศจรรย์”
เกี่ยวกับผู้เขียน
ศจ.ดร. จันทร์สมร ชัยศักดิ์ (ไทย, ศิษยาภิบาลคริตจักร์แม่น้ำโขงโนนประเสริฐ) นักศาสนศาสตร์ และศาสนศาสตร์มิชชั่น จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรรมาธิการศาสนศาสตร์ และกรรมาธิการเสรีภาพทางศาสนา ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย (Evangelical Fellowship of Thailand) และของสหกิจเอเชีย (Asia Evangelical Alliance) โดยมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาศาสนศาสตร์และความคิดริเริ่มด้านเสรีภาพทางศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ดร. จันทร์สมร ยังดำรงตำแหน่งนักศาสนศาสเอเชียของสหกิจโลก (World Evangelical Alliance) ใน GA 2025 Theological Project ด้วย ด้วยประสบการณ์ด้านศาสนศาสตร์และการเป็นผู้นำกว่า 40 ปี ดร. จันทร์สมร ได้เป็นผู้นำและอาจารย์สอนที่สถาบันการศึกษาและศาสนศาสตร์คริสเตียน โครงการพัฒนาชุมชน และการก่อตั้งคริสตจักรในประเทศไทยและลาว ดร.จันทร์สมร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก Doctor of Philosophy ด้านศาสนศานตร์และศาสนศึกษา จาก Evangelische Theologische Faculteit (เบลเยียม) และปริญญาเอก Doctor of Ministry and Master of Divinity ด้านศาสนศาสตร์มิชชั่นจาก Mid-America Baptist Theological Seminary (สหรัฐอเมริกา) และ วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาศาสนา จาก Liberty University (USA) และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรการเป็นผู้นำขั้นสูงจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด Harvard University มหาวิทยาลัยเยล Yale University และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด Oxford University พร้อมกันนี้ ดร.จันทร์สมร ยังรับใช้เป็นกรรมการและวิทยากรประจำขององค์กรต่างๆ เช่น SEANET Missiological Forum และ Lausanne Movement’s Worldplace, World Evangelical Alliance, และ Asian Society of Missiology
💬 ร่วมแสดงความคิดเห็น: ร่วมสนทนาบน Facebook
-
รูปแบบอ้างอิงบทสะท้อนนี้:
- จันทร์สมร ชัยศักดิ์. (2025, พฤษภาคม 11). การรักษาผ่านการอธิษฐาน ไม่ใช่อำนาจพิเศษ: การไตร่ตรองทางศาสนศาสตร์จาก ยากอบ บทที่ 5 เรื่องวิธีการรักษาในปัจจุบัน. ศาสนศาสตร์โปรเตสแตนท์ไทย - บทความสะท้อนความเชื่อ 3(1). http://www.thaiprotestanttheology.mf.or.th/reflections/reflection-17.th.html