เล่มที่ 2 ฉบับที่ 1 – เมษายน 2025
ทำไม "กางเขน" ไม่ใช่ "การคืนพระชนม์" จึงเป็นศูนย์กลางของข่าวประเสริฐ
วันที่: 19 เมษายน 2025
โดย: ศจ.ดร. จันทร์สมร ชัยศักดิ์ (Professor of Religious Studies and Missiology) กรรมาธิการศาสนศาสตร์และคำสอน ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย และ ของสหกิจฯ เอเชีย Asia Evangelical Alliance | เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
ข่าวประเสริฐของคริสเตียนตั้งอยู่บนเสาสองต้นที่เป็นประวัติศาสตร์ คือ การสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ทั้งสองเหตุการณ์ล้วนสำคัญยิ่ง แต่ทำหน้าที่ต่างกัน การสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์บนไม้กางเขนคือจุดที่พระองค์ทรงทำให้แผนแห่งความรอดสำเร็จ ส่วนการคืนพระชนม์—แม้จะรุ่งโรจน์และจำเป็นอย่างยิ่ง—เป็นเพียงการยืนยันจากพระเจ้าว่าสิ่งที่กางเขนได้กระทำแล้วนั้นสมบูรณ์ ดังนั้น กางเขนจึงเป็นศูนย์กลางของข่าวประเสริฐตามคำสอนของพระคัมภีร์ใหม่ และนี่คือสิ่งที่นักศาสนศาสตร์ ดร. จอห์น สตอตต์ เน้นย้ำอย่างชัดเจนในงานเขียนอันทรงคุณค่าของเขา The Cross of Christ
ดร. สตอตต์เขียนด้วยความชัดเจนทางศาสนศาสตร์ว่า “ไม้กางเขนคือศูนย์กลางของความเชื่อฝ่ายข่าวประเสริฐ... คริสเตียนฝ่ายข่าวประเสริฐเชื่อว่า ในและผ่านทางพระคริสต์ผู้ถูกตรึงที่กางเขน พระเจ้าได้ทรงแทนที่เราด้วยพระองค์เอง และทรงรับบาปของเรา ทรงสิ้นพระชนม์แทนเราในความตายที่เราควรจะได้รับ” (The Cross of Christ, หน้า 11) พื้นฐานนี้ฝังรากลึกในพระคัมภีร์ เมื่ออัครสาวกเปาโลสรุปสาระของข่าวประเสริฐใน 1 โครินธ์ 15 เขาเริ่มต้นว่า “พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเราทั้งหลาย ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์” (1 โครินธ์ 15:3) สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ตามลำดับเวลา แต่เป็นการประกาศความสำคัญสูงสุด เพราะไม้กางเขนคือสถานที่แห่งการไถ่ การพิพากษาบาป และความรอด
แล้วการคืนพระชนม์ล่ะ ดร. สตอตต์ไม่ได้ลดบทบาทของการคืนพระชนม์นี้ แต่เขาแยกแยะอย่างชัดเจนว่าการคืนพระชนม์ไม่ใช่จุดที่ความรอดสำเร็จ เขาเขียนว่า “การคืนพระชนม์ไม่ได้ทำให้เราได้รับการอภัยบาป หรือทำให้เราชอบธรรม... พระคัมภีร์ใหม่กล่าวว่าพระพรทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู” (The Cross of Christ, หน้า 234) อัครสาวกเปาโลยืนยันความแตกต่างนี้ใน โรม 4:25 ว่า “พระองค์ทรงถูกมอบไว้เพื่อบาปของเรา และทรงถูกให้ฟื้นขึ้นมาเพื่อให้เราชอบธรรม” การคืนพระชนม์คือคำยืนยันจากพระบิดาว่าการไถ่บนไม้กางเขนนั้นเพียงพอ พระบิดาทรงตรัส “ใช่” ต่อถ้อยคำของพระบุตรที่ว่า “สำเร็จแล้ว” (ยอห์น 19:30)
เพื่อเข้าใจศูนย์กลางของไม้กางเขนอย่างแท้จริง เราต้องเข้าใจด้วยว่าพระคริสต์ทรงทรมานอย่างไร พระองค์มิได้สิ้นพระชนม์อย่างสง่างามหรือไร้ความเจ็บปวด แต่ทรงทนความทุกข์ระทมทุกอย่าง—ไม่เพียงรับโทษของบาป แต่ยังแบกรับความเจ็บปวดของมนุษย์ ความอับอาย และความโดดเดี่ยว ดร. สตอตต์สะท้อนว่า “ข้าพเจ้าไม่อาจเชื่อในพระเจ้าได้เลย หากปราศจากไม้กางเขน... ในโลกแห่งความเจ็บปวดนี้ เราจะนมัสการพระเจ้าที่ไม่เคยประสบกับความเจ็บปวดได้อย่างไร?” (The Cross of Christ, หน้า 326) พระคริสต์ไม่ใช่พระเจ้าที่ห่างไกล แต่ทรงเป็น “ผู้รับทุกข์” ตามคำเผยพระวจนะของอิสยาห์ที่กล่าวว่า “พระองค์ทรงถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของเรา... และเราหายดีโดยบาดแผลของพระองค์” (อิสยาห์ 53:5) “โดยบาดแผลของพระองค์ ท่านทั้งหลายได้รับการรักษา” (1 เปโตร 2:24) พระองค์ทรงเข้ามาสู่ความทุกข์ ไม่ใช่เพียงเพื่อจะเข้าใจความทุกข์ แต่เพื่อแบกรับความทุกข์แทนเรา—ทั้งบาป ความละอาย และเวรกรรม
สิ่งนี้ทำให้ไม้กางเขนมีบทสนทนาอย่างลึกซึ้งกับโลกทัศน์แบบไทย ลาว และชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ ในพระพุทธศาสนา วัฏสงสาร (สังสารวัฏ) ถูกขับเคลื่อนโดยตัณหาและกรรม นำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป้าหมายของการพ้นทุกข์คือ นิพพาน ซึ่งต้องดับความอยากและปล่อยวางตนเอง แต่ถึงแม้ผู้ปฏิบัติจะเคร่งครัดเพียงใด ก็ยังต้องแบกเวรกรรมข้ามภพข้ามชาติ
ที่นี่เอง ข่าวประเสริฐแห่งไม้กางเขนพูดด้วยทั้งฤทธิ์เดชและความเมตตา พระเยซู—แม้ไร้บาป—ทรงเข้าสู่วงจรแห่งทุกข์ ไม่ใช่ในฐานะเหยื่อของกรรม แต่ในฐานะ “ผู้แทน” ผู้เต็มใจ พระองค์ทรงรับบาป เวรกรรม และความอับอายไว้อย่างสมบูรณ์ และทำลายวัฏสงสาร ไม่ใช่ด้วยการหลีกหนี แต่ด้วยความรักอันเสียสละ พระองค์ไม่ได้มอบการดับสูญ แต่ทรงมอบชีวิตใหม่ ไม่ใช่คำสอนให้ละตน แต่เป็นการถูกรับไว้ในอ้อมแขนของพระเจ้าผู้ทรงเข้ามาไถ่โลกของเรา อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “พระคริสต์ได้ไถ่เราให้พ้นจากคำแช่งของธรรมบัญญัติโดยที่พระองค์ทรงกลายเป็นคำแช่งแทนเรา” (กาลาเทีย 3:13)
พระคริสต์ผู้รับทุกข์ คือคำตอบแห่งความปรารถนาลึกที่สุดของหัวใจชาวไทย ลาว และชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่แค่การพ้นทุกข์ แต่คือการได้รับการให้อภัย การได้รับการรักษา และการเป็นไทจากบาป ไม่ใช่ด้วยบุญหรือการดับตัณหา แต่โดยพระคุณผ่านไม้กางเขน ไม้กางเขนไม่ใช่ศาสนาต่างถิ่นหรือต่างประเทศ แต่เป็นการมอบทางแห่งความรอดสากลแก่ปัญหาสากล
คริสเตียนยุคแรกได้ประกาศข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ “พระคริสต์ผู้ถูกตรึงที่กางเขน” อย่างไม่เกรงกลัว อัครสาวกเปาโลกล่าวแก่คริสตจักรเมืองโครินธ์ว่า “ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไม่รู้สิ่งใดเลย นอกจากพระเยซูคริสต์ และพระองค์ที่ถูกตรึงที่กางเขน” (1 โครินธ์ 2:2) และยังกล่าวอีกว่า “เราประกาศพระคริสต์ผู้ถูกตรึงที่กางเขน เป็นสิ่งที่ทำให้คนยิวสะดุด และคนต่างชาติถือว่าโง่เขลา” (1 โครินธ์ 1:23) ดังที่ ดร.สตอตต์กล่าวไว้ว่า “ความเชื่อคริสเตียนสามารถสรุปได้ว่าเป็น ‘ความเชื่อในพระคริสต์ผู้ถูกตรึงที่กางเขน’” (The Cross of Christ, หน้า 21)
การประกาศเช่นนี้ไม่ได้เพิกเฉยต่อการคืนพระชนม์ แต่กลับย้ำให้เห็นว่าเหตุการณ์ตรึงกางเขน—ซึ่งเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและการเยาะเย้ย—คือการกระทำที่พระเจ้าใช้ในการคืนดีโลกกับพระองค์เอง ความทรงจำของคริสตจักรต่อพระเยซูในเชิงสัญลักษณ์ก็สะท้อนถึงลำดับความสำคัญนี้อย่างชัดเจน คริสเตียนสามารถเลือกใช้สัญลักษณ์อื่นได้ เช่น รางหญ้าที่พระองค์บังเกิด ผ้าคาดที่ทรงใช้ล้างเท้า หรืออุโมงค์ว่างเปล่าแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ แต่คริสเตียนเลือกไม้กางเขน ดร. สตอตต์กล่าวไว้ว่า “ตั้งแต่เยาว์วัยของพระเยซู แม้แต่ตั้งแต่ประสูติ ไม้กางเขนก็ทอดเงามาข้างหน้าพระองค์ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์คือหัวใจของพันธกิจของพระองค์” (The Cross of Christ, หน้า 19) เฉพาะไม้กางเขนเท่านั้นที่เป็นหนทางแห่งการจัดการกับบาป การลบล้างความผิด การประทานพระคุณ และการยกคุณค่าของความทุกข์
การยกไม้กางเขนเป็นศูนย์กลางของข่าวประเสริฐ ไม่ได้เป็นการลดคุณค่าของการคืนพระชนม์แต่อย่างใด หากแต่เป็นการเข้าใจถึงลำดับและแผนงานแห่งความรอดที่พระเจ้าได้ทรงวางไว้—ไม้กางเขนคือ “หนทางแห่งการไถ่บาป” และการคืนพระชนม์คือ “หลักฐานว่าการไถ่นั้นสำเร็จแล้ว” และในถ้อยคำที่ลึกซึ้งของ ดร. สตอตต์ “แก่นแท้ของบาปคือ มนุษย์แทนที่พระเจ้า... ส่วนแก่นแท้ของความรอดคือ พระเจ้าแทนที่มนุษย์” (The Cross of Christ, หน้า 160) การแทนที่นั้นไม่ได้เกิดขึ้นในอุโมงค์ว่างเปล่า แต่บนไม้กางเขนของชาวโรมัน
เพราะฉะนั้น เราจึงประกาศ “พระคริสต์ผู้ถูกตรึงที่กางเขน” ไม่ใช่ในฐานะสิ่งระลึกจากประวัติศาสตร์คริสเตียนเท่านั้น แต่ในฐานะศูนย์กลางแห่งความเชื่อของเรา รากฐานแห่งความหวัง และแหล่งของสันติสุขของเรา จากกางเขน ข่าวประเสริฐได้ไหลออกไป และจากอุโมงค์ว่างเปล่า คือการยืนยันจากพระเจ้า และต่อหัวใจของชาวไทย ลาว และชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ ที่โหยหาความหลุดพ้นจากกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด กางเขนของพระคริสต์ไม่ใช่สารจากศาสนาต่างถิ่นหรือต่างประเทศ แต่คือ “ประตู” สู่เสรีภาพ สันติ และชีวิตนิรันดร์ ในอ้อมแขนของพระเจ้าผู้รับทุกข์และทรงไถ่เรา Suffering and Saving God
เกี่ยวกับผู้เขียน
ศจ.ดร. จันทร์สมร ชัยศักดิ์ (ไทย) นักศาสนศาสตร์ และศาสนศาสตร์มิชชั่น จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรรมาธิการศาสนศาสตร์ และกรรมาธิการเสรีภาพทางศาสนา ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย (Evangelical Fellowship of Thailand) และของสหกิจเอเชีย (Asia Evangelical Alliance) โดยมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาศาสนศาสตร์และความคิดริเริ่มด้านเสรีภาพทางศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ดร. จันทร์สมร ยังดำรงตำแหน่งนักศาสนศาสเอเชียของสหกิจโลก (World Evangelical Alliance) ด้วย ด้วยประสบการณ์ด้านศาสนศาสตร์และการเป็นผู้นำกว่า 30 ปี ดร. จันทร์สมร ได้เป็นผู้นำและอาจารย์สอนที่สถาบันการศึกษาและศาสนศาสตร์คริสเตียน โครงการพัฒนาชุมชน และการก่อตั้งคริสตจักรในประเทศไทยและลาว ดร.จันทร์สมร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก Doctor of Philosophy ด้านศาสนศานตร์และศาสนศึกษา จาก Evangelische Theologische Faculteit (เบลเยียม) และปริญญาเอก Doctor of Ministry ด้านศาสนศาสตร์มิชชั่นจาก Mid-America Baptist Theological Seminary (สหรัฐอเมริกา) และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรการเป็นผู้นำขั้นสูงจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด Harvard University มหาวิทยาลัยเยล Yale University และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด Oxford University พร้อมกันนี้ ดร.จันทร์สมร ยังรับใช้เป็นกรรมการและวิทยากรประจำขององค์กรต่างๆ เช่น SEANET Missiological Forum และ Lausanne Movement’s Worldplace, World Evangelical Alliance, และ Asian Society of Missiology
💬 ร่วมแสดงความคิดเห็น: ร่วมสนทนาบน Facebook