เล่มที่ 3 ฉบับที่ 1 – พฤษภาคม 2025

ข่าวประเสริฐหรือกระแสลวง? เปิดโปงคำสอนอันตรายของ กลุ่มเเสงสว่างเเห่งรักที่เเท้จริง Bright Romance และ วิกฤติในคริสเตียนไทย

วันที่: 14 พฤษภาคม 2025

โดย: ศจ.ดร. จันทร์สมร ชัยศักดิ์ กรรมาธิการศาสนศาสตร์และคำสอน ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย และ ของสหกิจฯ เอเชีย Asia Evangelical Alliance | เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คริสเตียนไทยได้ประสบทั้งการเติบโตและความผันผวน ไม่ใช่เพียงในด้านจำนวนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรูปแบบและจิตวิญญาณของคำสอนด้วย ท่ามกลางการเติบโตนี้ ได้เกิดการเพิ่มขึ้นที่น่ากังวลของหลักข้อเชื่อที่ ผิด อันตราย และ ไม่สอดคล้องกับหลักการของพระคัมภีร์ ซึ่งอ้างสิทธิอำนาจของคริสเตียนในขณะที่บิดเบือนแก่นแท้ของความเชื่อในพระคัมภีร์ คำสอนเหล่านี้มักปรากฏในรูปแบบการนมัสการที่เน้นไปที่อารมณ์ร่วม การรักษาโรคในรอบนมัสการที่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ หรือพันธกิจการเผยพระวจนะบนช่องทางออนไลน์ หากมองแต่เพียงผิวเผิน สิ่งเหล่านี้อาจดูมีน่าตื่นเต้น เต็มไปด้วยความเชื่อ และดึงดูดใจผู้ที่อ่อนล้าและบาดเจ็บ แต่เบื้องหลังนั้นซ่อนเร้นการเบี่ยงเบนทางศาสนศาสตร์อันน่ากังวล ซึ่งคุกคามรากฐานของข่าวประเสริฐ

ลักษณะเด่นที่แพร่หลายมากที่สุดอย่างหนึ่งของการเคลื่อนไหวนี้ คือความเชื่อที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ที่ซึ่งคำพูด คำประกาศ หรือ การกระทำของมนุษย์ ถูกมองว่าก่อให้เกิดผลในทางจิตวิญญาณ โดยหยิบยืมแนวคิดมาจาก กระแสถ้อยคำแห่งความเชื่อ หรือ Word of Faith movement ที่อ้างว่าผู้เชื่อสามารถ “พูดให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น” และ บงการผลลัพธ์ด้วยการประกาศการรักษาหรือความสำเร็จ ไม่ก็ควบคุมความเป็นจริงด้วยพลังแห่งศรัทธา สิ่งนี้ได้ยกเจตจำนงของมนุษย์ขึ้นเหนืออำนาจอธิปไตยของพระเจ้า และเปลี่ยนเป้าหมายของความเชื่อจากพระคริสต์สู่ความต้องการของตน โดยคำสอนที่เชื่อมโยงกับกระแสนี้อย่างมาก คือ ข่าวประเสริฐแห่งความรุ่งเรือง/ความมั่งคั่ง (Prosperity Gospel) ซึ่งนำเสนอพระเจ้าในฐานะ ผู้ทำธุรกรรม คือการที่พระเจ้าอวยพรผู้คนเพื่อแลกกับการถวายทรัพย์ ซึ่งมักถูกเรียกว่า “เมล็ดพันธุ์” ความเชื่อประเภทนี้แสวงหาประโยชน์จากผู้ที่สิ้นหวังทางการเงิน และบิดเบือนการให้ตามหลักพระคัมภีร์

วิกฤตินี้เห็นได้ชัดเจนที่สุดในการเคลื่อนไหวที่นำโดย นายสิทธิโชค เสรีธรณกุล (แชมป์) กลุ่มเเสงสว่างเเห่งรักที่เเท้จริง Bright Romance ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มีฐานอยู่ในกรุงเทพฯ พันธกิจของเขาได้ดึงดูดผู้คนนับพันที่แสวงหาการปลดปล่อย การทะลุทะลวง และความรุ่งเรือง/ความมั่งคั่ง การประชุมนมัสการของเขาโดดเด่นในด้านการแสดงออกทางอารมณ์อันเอ่อล้น การกระตุ้นให้อาเจียนเพื่อขับไล่ปีศาจ การพูดภาษาแปลกๆ โดยปราศจากการตีความ บทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับไฟที่ร้อนรน และ การแสดงท่าทางต่างๆ เช่น การโบกมือและเป่าลม ที่ทำให้ผู้เข้าร่วมทรุดตัวลง การปฏิบัติเหล่านี้อาจดูหวือหวา แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีรากฐานอยู่ในพระคัมภีร์ แต่กลับเลียนแบบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ที่ถูกหุ้มด้วยภาษาคริสเตียน

คำสอนหลักของ กลุ่มเเสงสว่างเเห่งรักที่เเท้จริง Bright Romance มีที่มาจาก หลักคำสอนนอกรีต (Heretical doctrines) ของ กระแสถ้อยคำแห่งความเชื่อ (Word of Faith movement) และ ศาสนศาสตร์ข่าวประเสริฐแห่งความรุ่งเรือง/ความมั่งคั่ง (Prosperity Gospel theology) เขาส่งเสริมแนวคิดที่ว่า การประกาศถ้อยคำที่เปี่ยมด้วยความเชื่อ สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ทางจิตวิญญาณได้ และ การถวายทรัพย์เปรียบดั่งหลักประกันในการรับความโปรดปรานจากพระเจ้า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือการกำหนดนิยามของคำว่า “ความเชื่อ” ขึ้นใหม่ ไม่ใช่ในฐานะความไว้วางใจในพระราชกิจที่สำเร็จแล้วของพระคริสต์ แต่เป็นเทคนิคสำหรับการทะลุทะลวงที่มีตนเป็นผู้กำหนด ผู้ฟังของเขาส่วนใหญ่ประกอบด้วยชาวไทยที่ถูกดึงดูดด้วยคำสัญญาในการแก้ไขปัญหาด้วยพลังเหนือธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงอย่างปาฏิหาริย์

สิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าคือ แนวคิดอำนาจนิยมเชิงพยากรณ์ของเขา (Prophetic authoritarianism) ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ ขบวนการปฏิรูปคริสตจักรแบบอัครทูตใหม่ (New Apostolic Reformation หรือ NAR) ในขบวนการนี้ อัครทูตและผู้เผยพระวจนะที่แต่งตั้งตนเองขึ้นมาจะอ้างสิทธิ์ในการเข้าถึงความเข้าใจฝ่ายวิญญาณแต่เพียงผู้เดียวโดยวางตนอยู่เหนือพระคัมภีร์และมิอาจถูกตักเตือนแก้ไขได้ Bright Romance ได้เยาะเย้ยศิษยาภิบาลของคริสตจักรขนาดเล็กว่า ขัดขืนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ เปรียบฝ่ายตรงข้ามกับพันธกิจตนว่าเป็นกบฏฝ่ายวิญญาณ เขาสะท้อนให้เห็นถึงความหลงใหลของ NAR ในด้านอำนาจ การแสดงออกที่น่าตื่นตาตื่นใจ และ ความเป็นผู้นำที่แตะต้องไม่ได้ โดยการมีบอดี้การ์ดล้อมรอบ การสั่งการกล้อง และ การควบคุมบรรยากาศภายในรอบนมัสการ พันธกิจนี้จึงไม่ได้มีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง แต่กลับไปอยู่ที่ตัวบุคคลรวมถึงถ้อยคำ อำนาจ และเวทีของเขาแทน

โครงสร้างอำนาจนิยมนี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นด้วย ประสบการณ์นิยมอันล้ำลึก (Mystical experientialism) ที่ซึ่งความฝันส่วนบุคคล นิมิต หรือประสบการณ์ทางอารมณ์ที่รุนแรง ถูกยกให้เป็นการสำแดงจากพระเจ้า (divine revelation) และเมื่อประสบการณ์ที่เป็นอัตวิสัยเหล่านี้เข้ามาแทนที่หรือมีน้ำหนักเหนือพระคัมภีร์ ฉะนั้นความเชื่อที่เกิดขึ้นจึงไม่อยู่บนความจริง และเมื่อรวมเข้ากับ การเติบโตของคำสอนเรื่องพระคุณสุดขอบ (Hyper-grace message) ที่ซึ่งการกลับใจ ความบริสุทธิ์ และการเปลี่ยนแปลงถูกลดทอนความสำคัญหรือถูกปัดทิ้งไป ชีวิตคริสเตียนจึงถูกลดทอนให้เหลือเพียงการเดินทางแห่งการช่วยเหลือตนเองเพื่อยืนยันคุณค่าตนเอง แทนที่จะเป็นการดำเนินชีวิตแห่งการแบกกางเขนและเชื่อฟังพระเจ้า

การปฏิบัติเช่นนี้ สร้างความกลัว ไม่ใช่ความเชื่อ สร้างการยึดติด ไม่ใช่การเป็นสาวก ข่าวประเสริฐที่เทศนาในกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่ข่าวประเสริฐตามพระคัมภีร์ของพระคริสต์ผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขน ทรงฟื้นคืนพระชนม์ และทรงครอบครองอยู่ แต่เป็นข่าวประเสริฐที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อการได้รับการปลดปล่อยผ่านการ กระทำ การประกาศ และการแสดงที่เร้าอารมณ์ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือความสับสนทางจิตวิญญาณ การแสวงหาประโยชน์ทางอารมณ์ และการบิดเบือนหลักคำสอน ผู้คนได้รับเพียงความรู้สึกแต่ปราศจากความจริง การแสดงที่ตระการตาแต่ปราศจากการชำระให้บริสุทธิ์ (Sanctification)

สำหรับคริสเตียนอีแวนเจลิคอลชาวไทยที่ยึดมั่นในความสัตย์ซื่อต่อพระคัมภีร์ไบเบิล นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง อัครทูตเปาโลได้เตือนไว้ถึง ยุคสมัยที่ผู้คนจะทนต่อคำสอนที่ถูกต้องไม่ได้ แต่จะรวบรวมบรรดาอาจารย์ที่พูดในสิ่งที่พวกเขาอยากได้ยิน (2 ทิโมธี 4:3) และยุคสมัยนั้นได้มาถึงแล้ว เราต้องส่งเสียงเตือนภัย แต่ไม่ใช่ด้วยความโกรธแต่ด้วยความรัก เนื่องจาก คำสอนและวิธีการของ Bright Romance นั้น ผิด เป็นอันตราย และไม่สอดคล้องตามหลักการของพระคัมภีร์ โดยคริสเตียนจะต้องได้รับการเตือนและการปกป้อง คริสตจักรจะต้องฟื้นฟูการให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ความเพียงพอของพระคัมภีร์ และฤทธิ์อำนาจของข่าวประเสริฐแท้

คริสตจักรท้องถิ่นจะต้องกลับมาเป็นสถานที่แห่งความจริง ไม่ใช่กระแสแฟชั่น เป็นสถานที่แห่งการกลับใจใหม่ ไม่ใช่การแสดง และเป็นสถานที่แห่งการสร้างสาวก ไม่ใช่การหลอกลวง ขอให้เราสร้างผู้นำที่เป็นผู้เลี้ยงแกะ คือผู้ที่สอนพระวจนะ ประกาศพระคริสต์ และนำฝูงแกะด้วยความจริง ไม่ใช่เป็นนักแสดง ในช่วงเวลาอันเร่งด่วนนี้ การระมัดระวังทางศาสนศาสตร์ ความกล้าหาญของผู้เลี้ยง และการแยกแยะที่นำโดยพระวิญญาณ ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง แต่คือสิ่งที่สำคัญยิ่ง

แหล่งที่มาของการวิจารณ์:

เกี่ยวกับผู้เขียน

ศจ.ดร. จันทร์สมร ชัยศักดิ์ (Professor of Religious Studies and Missiology) (ไทย, ศิษยาภิบาลคริตจักร์แม่น้ำโขงโนนประเสริฐ) นักศาสนศาสตร์ และศาสนศาสตร์มิชชั่น จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรรมาธิการศาสนศาสตร์ และกรรมาธิการเสรีภาพทางศาสนา ของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย (Evangelical Fellowship of Thailand) และของสหกิจเอเชีย (Asia Evangelical Alliance) โดยมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาศาสนศาสตร์และความคิดริเริ่มด้านเสรีภาพทางศาสนาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ดร. จันทร์สมร ยังดำรงตำแหน่งนักศาสนศาสเอเชียของสหกิจโลก (World Evangelical Alliance) ใน GA 2025 Theological Project ด้วย ด้วยประสบการณ์ด้านศาสนศาสตร์และการเป็นผู้นำกว่า 40 ปี ดร. จันทร์สมร ได้เป็นผู้นำและอาจารย์สอนที่สถาบันการศึกษาและศาสนศาสตร์คริสเตียน โครงการพัฒนาชุมชน และการก่อตั้งคริสตจักรในประเทศไทยและลาว ดร.จันทร์สมร สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก Doctor of Philosophy ด้านศาสนศานตร์และศาสนศึกษา จาก Evangelische Theologische Faculteit (เบลเยียม) และปริญญาเอก Doctor of Ministry and Master of Divinity ด้านศาสนศาสตร์มิชชั่นจาก Mid-America Baptist Theological Seminary (สหรัฐอเมริกา) และ วิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาศาสนา จาก Liberty University (USA) และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรการเป็นผู้นำขั้นสูงจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด Harvard University มหาวิทยาลัยเยล Yale University และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด Oxford University พร้อมกันนี้ ดร.จันทร์สมร ยังรับใช้เป็นกรรมการและวิทยากรประจำขององค์กรต่างๆ เช่น SEANET Missiological Forum และ Lausanne Movement’s Worldplace, World Evangelical Alliance, และ Asian Society of Missiology

💬 ร่วมแสดงความคิดเห็น: ร่วมสนทนาบน Facebook

รูปแบบอ้างอิงบทสะท้อนนี้:
• จันทร์สมร ชัยศักดิ์. (2025, พฤษภาคม 5). ข่าวประเสริฐหรือกระแสลวง? เปิดโปงคำสอนอันตรายของ กลุ่มเเสงสว่างเเห่งรักที่เเท้จริง Bright Romance และ วิกฤติในคริสเตียนไทย. ศาสนศาสตร์โปรเตสแตนท์ไทย - บทความสะท้อนความเชื่อ 3(1). http://www.thaiprotestanttheology.mf.or.th/reflections/reflection-17.th.html

Page Views: